การเข้าใจภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการจัดการก๊าซเรือนกระจก
ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาระดับโลก
ที่มีผลกระทบทั้งทางสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม การรับมือกับปัญหานี้ต้องการความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุ ผลกระทบ และวิธีการจัดการก๊าซเรือนกระจก บทความนี้จะอธิบายแนวคิดต่างๆ พร้อมทั้งวิเคราะห์ความเหมาะสม ข้อดี ข้อเสีย กลไกการปฏิบัติงาน และวัตถุประสงค์ของการจัดการก๊าซเรือนกระจก

1. แนวคิดเรื่องภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
1.1 Climate Change - Concept & Rational
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหมายถึงการเปลี่ยนแปลงระยะยาวของรูปแบบสภาพอากาศเฉลี่ย ซึ่งเกิดจากปัจจัยธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
วัตถุประสงค์:
- เพื่อเข้าใจสาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ข้อดี:
- ช่วยในการวางแผนการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย:
- อาจเกิดความไม่เข้าใจหรือความไม่สนใจจากบางส่วนของสังคม
- ต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย ซึ่งอาจยากในการประสานงาน

1.2 Climate Change - Mitigation Efforts
ประเทศไทยและความมุ่งมั่น:
ประเทศไทยได้เข้าร่วมในข้อตกลงปารีส โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาพลังงานทดแทน
Corporate Commitment:
องค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการลดก๊าซเรือนกระจก โดยการตั้งเป้าหมายและดำเนินการต่างๆ เพื่อความยั่งยืน
SBTi (Science Based Targets initiative):
เป็นแนวทางที่ช่วยให้องค์กรตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ
CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism):
กลไกการปรับค่าคาร์บอนที่ขอบแดนของสหภาพยุโรป เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาระด้านคาร์บอนจากประเทศที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดน้อยกว่า
ข้อดี:
- กระตุ้นให้องค์กรและประเทศต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ข้อเสีย:
- อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและการดำเนินงานขององค์กร
- ความท้าทายในการปรับตัวตามกฎระเบียบใหม่และความซับซ้อนของมาตรการ

2. การจัดการก๊าซเรือนกระจก
2.1 GHG Management - Concept & Hierarchy of GHG Management
แนวคิด:
การจัดการก๊าซเรือนกระจก (GHG Management) เป็นกระบวนการที่องค์กรใช้ในการวัด จัดการ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ลำดับขั้นของการจัดการ GHG:
1 การวัดและรายงาน (Measurement & Reporting):
การเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
2 การลดและการชดเชย (Reduction & Offset):
การดำเนินการลดการปล่อยและชดเชยก๊าซเรือนกระจก
3 การตรวจสอบและรับรอง (Verification & Certification):
การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและการรับรองตามมาตรฐานสากล
ข้อดี:
- ช่วยให้องค์กรมีข้อมูลที่แม่นยำในการวางแผนและตัดสินใจ
- สร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ข้อเสีย:
- ต้องใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญในการดำเนินการ
- อาจเผชิญกับความท้าทายในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
3. การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์
3.1 Introduction to Quantification Method, Activity Data, Emission Factor
วิธีการคำนวณ:
- Activity Data: ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ปริมาณการใช้เชื้อเพลิง
- Emission Factor: ค่าที่ใช้ในการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยกิจกรรม
กลไกการปฏิบัติงาน:
- รวบรวม Activity Data
- ใช้ Emission Factor ที่เหมาะสม
- คำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการคูณ Activity Data กับ Emission Factor
3.2 Scope 1, Scope 2 และ Scope 3 Identification
- Scope 1 (Direct Emissions): การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงจากแหล่งที่องค์กรควบคุม
- Scope 2 (Indirect Emissions from Energy): การปล่อยทางอ้อมจากการใช้พลังงานที่ซื้อมา
- Scope 3 (Other Indirect Emissions): การปล่อยทางอ้อมอื่นๆ ในห่วงโซ่อุปทาน
ข้อดี:
- ให้ภาพรวมที่ครบถ้วนของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ช่วยให้องค์กรระบุพื้นที่ที่ต้องการการปรับปรุง
ข้อเสีย:
- การเก็บข้อมูล Scope 3 อาจยากและซับซ้อน
- ต้องการความร่วมมือจากผู้จัดหาสินค้าและบริการ
4. มาตรฐาน ISO 14064 และ ISO 14067 รวมถึง CFO & T-VER
4.1 ISO 14064 Series
- ISO 14064-1: ข้อกำหนดสำหรับการวัดและการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
- ISO 14064-2: แนวทางสำหรับโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ISO 14064-3: ข้อกำหนดสำหรับการตรวจสอบและการรับรองข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
4.2 ISO 14067
มาตรฐานสำหรับการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์
4.3 CFO & T-VER
- CFO (Carbon Footprint of Organization): การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในระดับองค์กร
- T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction): โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจของประเทศไทย
ข้อดี:
- มาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้
- ช่วยให้องค์กรมีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับข้อกำหนดสากล
ข้อเสีย:
- ต้องใช้ทรัพยากรในการดำเนินการตามมาตรฐาน
- อาจต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการปฏิบัติตาม
5. การบัญชี GHG การรายงาน การตรวจสอบ และการรับรอง
5.1 Introduction to Verification
- ISO 14064-3: กำหนดข้อกำหนดและแนวทางสำหรับการตรวจสอบและการรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ISO 14065: ข้อกำหนดสำหรับหน่วยงานที่ให้บริการตรวจสอบและรับรอง
- ISO/IEC 17029: ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการตรวจสอบและการยืนยัน
กลไกการปฏิบัติงาน:
- การเก็บรวบรวมข้อมูลและการคำนวณ: ตามมาตรฐานที่กำหนด
- การตรวจสอบภายใน: เพื่อความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูล
- การตรวจสอบภายนอกและการรับรอง: โดยหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง
ข้อดี:
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ช่วยให้องค์กรสามารถสื่อสารความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ข้อเสีย:
- มีค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและรับรอง
- ต้องการเวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม
6. หลักสูตรที่เหมาะสมกับองค์กร
หลักสูตรนี้เหมาะกับ:
- องค์กรมหาชนและนิติบุคคล ที่ต้องการจัดทำรายงานก๊าซเรือนกระจกและต้องการพื้นฐานการทวนสอบภายใน
- องค์กรที่ต้องการบูรณาการข้อมูลบัญชีก๊าซเรือนกระจก กับรายงาน ESG หรือ SD report
- องค์กรที่มุ่งมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน
- องค์กรที่ต้องการข้อมูลก๊าซเรือนกระจกมาตรฐาน เพื่อวางแผนลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการลงทุน
- องค์กรที่ต้องการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
ข้อดีของการเข้าร่วมหลักสูตร:
- เพิ่มพูนความรู้และทักษะในการจัดการก๊าซเรือนกระจก
- ช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสากล
- สร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน
ข้อเสีย:
- ต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการเข้าร่วมหลักสูตร
- อาจต้องการการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง
สรุป
การเข้าใจแนวคิดเรื่องภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดการก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ การปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 14064 และการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีข้อเสียบางประการ เช่น ค่าใช้จ่ายและทรัพยากรที่ต้องใช้ แต่ข้อดีที่ได้รับทั้งต่อองค์กรและสังคมย่อมมีความคุ้มค่ามากกว่า
วัตถุประสงค์หลัก:
- เพื่อสร้างความเข้าใจและความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม
- เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม
- เพื่อให้ความรู้และทักษะในการจัดการก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐานสากล
กลไกการปฏิบัติงาน:
- การศึกษาและฝึกอบรมด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก
- การประยุกต์ใช้มาตรฐานและวิธีการที่เหมาะสม
- การตรวจสอบและการรับรองเพื่อความน่าเชื่อถือ
บทส่งท้าย
การดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกองค์กรและบุคคล การลงทุนในความรู้และการปฏิบัติที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจและภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคม