การเข้าใจภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

และการจัดการก๊าซเรือนกระจก

ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาระดับโลก

ที่มีผลกระทบทั้งทางสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม การรับมือกับปัญหานี้ต้องการความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุ ผลกระทบ และวิธีการจัดการก๊าซเรือนกระจก บทความนี้จะอธิบายแนวคิดต่างๆ พร้อมทั้งวิเคราะห์ความเหมาะสม ข้อดี ข้อเสีย กลไกการปฏิบัติงาน และวัตถุประสงค์ของการจัดการก๊าซเรือนกระจก

การเข้าใจแนวคิดเรื่องภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดการก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ การปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 14064 และการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. แนวคิดเรื่องภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

1.1 Climate Change - Concept & Rational

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหมายถึงการเปลี่ยนแปลงระยะยาวของรูปแบบสภาพอากาศเฉลี่ย ซึ่งเกิดจากปัจจัยธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

วัตถุประสงค์:
  • เพื่อเข้าใจสาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ข้อดี:
  • ช่วยในการวางแผนการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย:
  • อาจเกิดความไม่เข้าใจหรือความไม่สนใจจากบางส่วนของสังคม
  • ต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย ซึ่งอาจยากในการประสานงาน

1.2 Climate Change - Mitigation Efforts

ประเทศไทยและความมุ่งมั่น:

ประเทศไทยได้เข้าร่วมในข้อตกลงปารีส โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาพลังงานทดแทน

Corporate Commitment:

องค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการลดก๊าซเรือนกระจก โดยการตั้งเป้าหมายและดำเนินการต่างๆ เพื่อความยั่งยืน

SBTi (Science Based Targets initiative):

เป็นแนวทางที่ช่วยให้องค์กรตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ

CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism):

กลไกการปรับค่าคาร์บอนที่ขอบแดนของสหภาพยุโรป เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาระด้านคาร์บอนจากประเทศที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดน้อยกว่า

ข้อดี:
  • กระตุ้นให้องค์กรและประเทศต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ข้อเสีย:
  • อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและการดำเนินงานขององค์กร
  • ความท้าทายในการปรับตัวตามกฎระเบียบใหม่และความซับซ้อนของมาตรการ
การจัดการก๊าซเรือนกระจก (GHG Management) เป็นกระบวนการที่องค์กรใช้ในการวัด จัดการ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

2. การจัดการก๊าซเรือนกระจก

2.1 GHG Management - Concept & Hierarchy of GHG Management

แนวคิด:

การจัดการก๊าซเรือนกระจก (GHG Management) เป็นกระบวนการที่องค์กรใช้ในการวัด จัดการ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ลำดับขั้นของการจัดการ GHG:

1 การวัดและรายงาน (Measurement & Reporting):

การเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

2 การลดและการชดเชย (Reduction & Offset):

การดำเนินการลดการปล่อยและชดเชยก๊าซเรือนกระจก

3 การตรวจสอบและรับรอง (Verification & Certification):

การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและการรับรองตามมาตรฐานสากล

ข้อดี:
  • ช่วยให้องค์กรมีข้อมูลที่แม่นยำในการวางแผนและตัดสินใจ
  • สร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ข้อเสีย:
  • ต้องใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญในการดำเนินการ
  • อาจเผชิญกับความท้าทายในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน

3. การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์

3.1 Introduction to Quantification Method, Activity Data, Emission Factor

วิธีการคำนวณ:
  • Activity Data: ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ปริมาณการใช้เชื้อเพลิง
  • Emission Factor: ค่าที่ใช้ในการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยกิจกรรม
กลไกการปฏิบัติงาน:
  • รวบรวม Activity Data
  • ใช้ Emission Factor ที่เหมาะสม
  • คำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการคูณ Activity Data กับ Emission Factor

3.2 Scope 1, Scope 2 และ Scope 3 Identification

  • Scope 1 (Direct Emissions): การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงจากแหล่งที่องค์กรควบคุม
  • Scope 2 (Indirect Emissions from Energy): การปล่อยทางอ้อมจากการใช้พลังงานที่ซื้อมา
  • Scope 3 (Other Indirect Emissions): การปล่อยทางอ้อมอื่นๆ ในห่วงโซ่อุปทาน
ข้อดี:
  • ให้ภาพรวมที่ครบถ้วนของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ช่วยให้องค์กรระบุพื้นที่ที่ต้องการการปรับปรุง
ข้อเสีย:
  • การเก็บข้อมูล Scope 3 อาจยากและซับซ้อน
  • ต้องการความร่วมมือจากผู้จัดหาสินค้าและบริการ

4. มาตรฐาน ISO 14064 และ ISO 14067 รวมถึง CFO & T-VER

4.1 ISO 14064 Series

  • ISO 14064-1: ข้อกำหนดสำหรับการวัดและการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
  • ISO 14064-2: แนวทางสำหรับโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ISO 14064-3: ข้อกำหนดสำหรับการตรวจสอบและการรับรองข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
4.2 ISO 14067

มาตรฐานสำหรับการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์

4.3 CFO & T-VER
  • CFO (Carbon Footprint of Organization): การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในระดับองค์กร
  • T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction): โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจของประเทศไทย
ข้อดี:
  • มาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้
  • ช่วยให้องค์กรมีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับข้อกำหนดสากล
ข้อเสีย:
  • ต้องใช้ทรัพยากรในการดำเนินการตามมาตรฐาน
  • อาจต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการปฏิบัติตาม

5. การบัญชี GHG การรายงาน การตรวจสอบ และการรับรอง

5.1 Introduction to Verification

  • ISO 14064-3: กำหนดข้อกำหนดและแนวทางสำหรับการตรวจสอบและการรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ISO 14065: ข้อกำหนดสำหรับหน่วยงานที่ให้บริการตรวจสอบและรับรอง
  • ISO/IEC 17029: ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการตรวจสอบและการยืนยัน
กลไกการปฏิบัติงาน:
  • การเก็บรวบรวมข้อมูลและการคำนวณ: ตามมาตรฐานที่กำหนด
  • การตรวจสอบภายใน: เพื่อความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูล
  • การตรวจสอบภายนอกและการรับรอง: โดยหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง
ข้อดี:
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ช่วยให้องค์กรสามารถสื่อสารความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ข้อเสีย:
  • มีค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและรับรอง
  • ต้องการเวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม

6. หลักสูตรที่เหมาะสมกับองค์กร

หลักสูตรนี้เหมาะกับ:
  • องค์กรมหาชนและนิติบุคคล ที่ต้องการจัดทำรายงานก๊าซเรือนกระจกและต้องการพื้นฐานการทวนสอบภายใน
  • องค์กรที่ต้องการบูรณาการข้อมูลบัญชีก๊าซเรือนกระจก กับรายงาน ESG หรือ SD report
  • องค์กรที่มุ่งมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน
  • องค์กรที่ต้องการข้อมูลก๊าซเรือนกระจกมาตรฐาน เพื่อวางแผนลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการลงทุน
  • องค์กรที่ต้องการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
ข้อดีของการเข้าร่วมหลักสูตร:
  • เพิ่มพูนความรู้และทักษะในการจัดการก๊าซเรือนกระจก
  • ช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสากล
  • สร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน
ข้อเสีย:
  • ต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการเข้าร่วมหลักสูตร
  • อาจต้องการการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง

สรุป

การเข้าใจแนวคิดเรื่องภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดการก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ การปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 14064 และการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีข้อเสียบางประการ เช่น ค่าใช้จ่ายและทรัพยากรที่ต้องใช้ แต่ข้อดีที่ได้รับทั้งต่อองค์กรและสังคมย่อมมีความคุ้มค่ามากกว่า

วัตถุประสงค์หลัก:
  • เพื่อสร้างความเข้าใจและความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม
  • เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม
  • เพื่อให้ความรู้และทักษะในการจัดการก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐานสากล
กลไกการปฏิบัติงาน:
  • การศึกษาและฝึกอบรมด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก
  • การประยุกต์ใช้มาตรฐานและวิธีการที่เหมาะสม
  • การตรวจสอบและการรับรองเพื่อความน่าเชื่อถือ

บทส่งท้าย

การดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกองค์กรและบุคคล การลงทุนในความรู้และการปฏิบัติที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจและภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคม